เริ่มเลี้ยงพรรณไม้น้ำ
เราจะเริ่มเลี้ยงพันธุ์ไม้น้ำได้อย่างไร
พรรณไม้น้ำคืออะไร พรรณไม้น้ำคือพืชชนิดหนึ่งที่อยู่ในน้ำบางชนิดสามารถปรับตัวอยู่บนบกได้
เราจะเริ่มเลี้ยงพันธุ์ไม้น้ำได้อย่างไร
พืชเป็นสิ่งมีชีวิตประเภท 1 ลักษณะพิเศษที่ต่างไปจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นของพืชคือมันสามารถสังเคราะห์
แสงได้การสังเคราะห์แสงคือการที่พืชรับพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในการแร่แปรธาตุโดยการใช้น้ำ
และแร่ธาตุต่างๆที่พืชดูดซึมมาจากพื้นดินและอากาศผสมรวมกับคาร์บอนไดออกไซด์หรือ Co2
เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังงานในรูปแบบของน้ำตาลกลูโคสและนำมาใช้ในการเจริญเติบโตสร้างลำต้นกิ่งใบ
และรากที่นี้เราก็พอจะรู้ basic ของพืชว่าต้องการอะไรบ้าง อย่างเช่นต้นไม้น้ำหรือพรรณไม้น้ำต้องการปัจจัยอะไรบ้าง
1 วัสดุปลูกที่เหมาะสม
วัสดุสำหรับปลูกพันธุ์ไม้น้ำวัสดุที่เหมาะสมสำหรับการปลูกพันธุ์ไม้แน่นอนว่าต้องเป็นดินแต่สำหรับพรรณไม้น้ำต้องเป็นดินอัดเม็ดเพื่อที่จะไม่ให้ดินนั้นฟุ้งกระจายในน้ำและทำให้น้ำขุ่น
ข้อดีของดิน
มีแร่ธาตุและปุ๋ยสำหรับไม้น้ำ ทำให้การเลี้ยงไม้น้ำช่วงเริ่มต้นง่ายขึ้น ไม่ต้องกังวลกับเรื่องปุ๋ยรองพื้น
และปุ๋ยฝังไประยะหนึ่งเนื้อดินมีความอ่อนนุ่ม เหมาะสำหรับการไชรากของพืช ไม่ทำให้รากพืชเสียหาย
ทำให้ตู้ดูเป็นธรรมชาติ สีเข้มๆของดินทำให้ตู้ดูดิบเป็นธรรมชาติ ตัดสีต้นไม้ให้ดูเข้มขึ้น
ปรับ pH ได้ ในดินมีกรดฮิวมิค ที่ช่วยปรับสภาพน้ำให้เป็นกรดอ่อนๆ เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืช
ข้อเสียของดิน
อายุการใช้งานจำกัด ส่วนมากมีอายุประมาณ 1-2 ปี ก็จะเริ่มป่น เละ หมดปุ๋ย ต้องซื้อใหม่เรื่อยๆ
อาจทำให้น้ำเปลี่ยนสี กรดฮิวมิคและสารอินทรีย์ในดิน อาจทำให้น้ำเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้ โดยเฉพาะช่วงแรกๆที่ยังมีฮิวมัสอยู่เยอะ
ราคาสูง ถุงขนาด 8-9 ลิตร จะราคาราวๆ 800-1200 บาท
2 ปุ๋ยและแร่ที่ต้นไม้ต้องการในปริมาณที่เหมาะสม
ปุ๋ยสำหรับตู้ไม้น้ำจะมีอยู่ 3 ชนิด
1. ปุ๋ยรองพื้น ใช้สำหรับรองพื้นก่อนเทวัสดุปลูก นิยมใช้กับตู้ที่รองพื้นด้วยกรวด,ทราย ลักษณะเป็นผงหรือเม็ดเล็กๆ
2. ปุ๋ยฝัง เป็นปุ๋ยเม็ดหน้าตาคล้ายยาเม็ด มีทั้งที่เป็นแคบซูล แบบอัดเม็ด อัดแท่ง และแบบที่หน้าตาเหมือนยาลูกกลอน ใช้ฝังเพื่อให้ปุ๋ยทางราก ใช้เป็นระยะๆ 1-3 เดือนครั้ง
3. ปุ๋ยน้ำ สำหรับใส่ในน้ำ เพื่อให้ปุ๋ยในน้ำ ใช้ทุกวันหรืออาทิตย์ละครั้ง
ถ้ารองพื้นตู้ด้วยดิน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยรองพื้น แต่จะใช้ด้วยก็ได้ และไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ยน้ำและปุ๋ยฝังไปได้ระยะนึง เพราะในดินมีปุ๋ยผสมมาอยู่แล้ว ส่วนมากจะเริ่มให้ปุ๋ยฝังกันเมื่อผ่านไป 1-2 เดือน
ถ้าเรารองพื้นตู้ด้วยกรวด ก็ต้องให้ปุ๋ยตังแต่แรกเลย เพราะในกรวดไม่มีปุ๋ยไม่มีแร่ธาตุอะไร ต้นไม้ก็ไม่รู้จะเอาปุ๋ยจากไหนไปใช้ มีทั้งแบบน้ำ แบบเม็ดฝังดิน แบบรองพื้นก่อนปลูก ที่ต้องใช้ก่อนก็คือแบบรองพื้นครับ เพราะต้องใส่ลงไปพร้อมๆกับกรวด
3 ปริมาณแสงสว่างที่พอเพียงในระยะเวลา 8-12 ชั่วโมงต่อวันเพื่อใช้ในการสังเคราะห์แสง
ต้นไม้น้ำต้องการแสงสว่างระดับหนึ่งเพื่อใช้ในการสังเคาระห์แสง เปลี่ยนแร่ธาตุ ปุ๋ย และสารอาหารต่างๆให้เป็นพลังงานในการเจริญเติบโต แต่ละชนิดต้องการไม่เท่ากัน มากบ้างน้อยบ้าง
แล้วจะรู้ได้ไงว่า ต้นไม้ชนิดไหนต้องการปริมาณแสงแค่ไหน ง่ายที่สุดคือเราก็ค้นหาจากอินเตอร์เน็ตเนี่ยแหละครับ
ใน Aquapedia ก็มีข้อมูลของไม้ชนิดที่ขายๆกันเกือบครบ
หรือค้นหาจาก Google เอาก็มีครับ โพสถามจากเพื่อนๆในบอร์ดหรือถามจากคนขายก็ได้
ก่อนซื้อควรจะหาข้อมูลให้ดีก่อนครับ ว่าไม้ที่เราจะเลี้ยงมีความต้องการปัจจัยต่างๆยังไงบ้าง ไม่อย่างนั้นเอามาแล้วเลี้ยงไม่รอดก็จะเสียเงิน เสียของเปล่าๆ
จะดูยังไง วัดยังไงว่า แค่ไหนคือแสงมาก แค่ไหนคือแสงน้อย ถ้าให้ถูกต้องจริงๆต้องวัดด้วยค่า lux แต่เครื่องวัดมันแพง และยุ่งยากสำหรับคนทั่วไป
เราเลยมักจะใช้ดูที่จำนวนวัตต์รวมของหลอดไฟทั้งหมดที่เราใช้ ต่อปริมาณน้ำหรือพื้นที่ผิวน้ำของตู้ครับ
อัตราส่วนของไฟกับตู้ที่เหมาะสมคือ 30-70 วัตต์ ต่อพื้นที่ผิวน้ำ 1 ตารางฟุต
30-40 วัตต์ ต่อพื้นที่ผิวน้ำ 1 ตารางฟุต สำหรับไม้น้ำที่ต้องการแสงน้อย เช่น มอสชนิดต่างๆ เฟิร์นและตระกูลอนูเบียส
40-50 วัตต์ สำหรับไม้น้ำที่ต้องการแสงปานกลาง เช่น หญ้าซาจิ (Sagittaria subulata) และไม้ตระกูลอเมซอน (Echinodorus)
50-60 วัตต์ สำหรับไม้น้ำที่ต้องการแสงปานกลาง-มาก เช่นพวก แฮร์กลาสหรือหญ้าหัวไม้ขีด (Eleocharis parvula) กลอสโซ่ (Glossostigma elatinoides)ไม้ตระกูลคริป (Cryptocoryne)
60-70 วัตต์ หรือมากกว่า 70 วัตต์ขึ้นไป สำหรับไม้น้ำที่ต้องการแสงมาก เช่น สาหร่ายคาบอมบ้า (Cabomba caroliniana) ตระกูลสาหร่าย และไม้ข้อ เกือบทุกชนิด จอก แหน
ตัวอย่างวิธีคิด
เช่น เรามีตู้ขนาด ยาว 24 นิ้ว ลึก 12 นิ้ว สูง 12 นิ้ว
เอาแค่ด้านกว้างกับลึกมาคำนวณ
หลายคนอาจจะสับสนเรื่องด้านลึกกับสูง
ตู้ปลาจะใช้ศัพท์เรียกด้านต่างๆเหมือนพวกเฟอร์นิเจอร์ครับ ดูตามภาพนี้จะเข้าใจได้ง่าย
พื้นที่ผิวน้ำของเราคือ 24x12 นิ้ว หรือ 60x30 ซม.
24 นิ้ว/60ซม. = 2 ฟุต
12 นิ้ว/30 ซม. = 1 ฟุต
2x1 = 2
เท่ากับว่าตู้เรามีพื้นที่ผิวน้ำ 2 ตารางฟุต
ฉะนั้นไฟที่เหมาะสมกับตู้เรา ควรจะต้องมีจำนวนวัตต์ 60-140 วัตต์
ซึ่งจะเท่ากับโคมที่มีหลอดฟลูออเรสเซนต์ T5HO 24w จำนวน 3-6 หลอด
หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ T8 18w 4-7 หลอด
หรือหลอดเมทัล-ฮาไลด์ 150w 1 หลอด (เกินไปนิดหน่อย แต่เกินดีกว่าขาด)
การคำนวณแบบนี้ สามารถใช้ได้ทั้งหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์แท่งยาวๆ แบบที่เราใช้ตามบ้านหรือหลอด T8 รวมถึงหลอด T5 หลอดหลอดเมทัล-ฮาไลด์ และหลอด LED นะครับ เพราะกำลังแสงที่ต้นไม้สามารถนำไปใช้ได้เทียบกับจำนวนวัตต์แล้ว แต่ละชนิดไม่ต่างกันมากครับ
ถ้าตู้ของคุณสูงมากกว่า 20 นิ้ว (หักความหนากรวดส่วนที่บางที่สุดแล้ว) ควรจะเลือกใช้หลอด T5HO (High Output) หรือหลอดเมทัล-ฮาไลด์ และหลอด LED High Power/ติดเลนส์บังคับแสง เพราะหลอดจะมีพลังในการส่องทะลวงผิวน้ำได้ลึกกว่า และหลีกเลี่ยงหลอด T5 Normal Output กับ LED ธรรมดาครับ
4 ปริมาณน้ำที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพรรณไม้น้ำ
5 ปริมาณ O2 และ Co2 ที่เพียงพอจะเห็นได้ว่าพรรณไม้น้ำนั้นใช้ปัจจัยเหมือนกับพืชทั่วไป
แต่แตกต่างออกไปเพียงแค่อยู่ในน้ำ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)